News

ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจที่พักแบบสร้างสรรค์

ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจที่พักแบบสร้างสรรค์

ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจที่พักแบบสร้างสรรค์ ในการลงทุนทำธุรกิจที่พักแบบสร้างสรรค์นั้นมีค่าใช้จ่ายด้านใดบ้าง ค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่ตัดออกไปแล้วกลับกายเป็นจุดขายหรืออาจจะเป็นการตัดออกเพื่อเพิ่มสิ่งใหม่ๆเข้ามาแทน เพื่อให้ให้การลงทุนนั้นคุ่มค่าที่สุด 1. ค่าใช้จ่ายด้านอาคาร สถานที่ และอุปกรณ์ที่สึกหรอ ทุนก้อนใหญ่ที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจที่พักคือการเลือกซื้อทําเล ในทางกลับกันกําไรก้อนแรกของการทําธุรกิจที่พัก ควรมาจากความสามารถในการเลือกทําเลที่ไม่ดีมีราคาถูก แล้วค่อยๆสร้างจุดขายขึ้นมา โดยเฉพาะถ้าสามารถเลือกสถานที่ลงทุนที่มีอาคารเก่าอยู่แล้ว จะเป็นการประหยัดทั้งค่าก่อสร้างและระยะในการก่อสร้าง แต่ประเด็นที่สําคัญ คือต้องวิเคราะห์รูปแบบการตกแต่งให้ออกว่า แบบไหนที่สามารถขายได้อย่างต่อเนื่องยาวนานเพราะธุรกิจที่มีเงินทุนน้อยมักไม่สามารถลงทุนตกแต่งอาคารได้ทุกๆ 5 ปี ตามอย่างที่โรงแรมขนาดใหญ่ทํา จึงควรเลือกสไตล์ที่เหนือกว่าความต้องการของลูกค้า เพื่อจะได้ไม่ต้องลงทุนเปลี่ยนตัวเองไปตามกระแสของตลาดอยู่เรื่อยๆ อีกเรื่องที่มีความสําคัญ คือ การวางระบบน้ําระบบไฟ ซึ่งควรลงทุนใช้ของดีมีประสิทธิภาพสูงตั้งแต่เริ่มแรก เพราะจะช่วยลดค่าดําเนินการไปได้มากกว่าการซ่อมแซม และการปรับปรุงงานระบบตลอดเวลายังเป็นการรบกวนลูกค้า และทําให้เสียรายได้ด้วย 2. ค่าใช้จ่ายด้านบุคคล ในช่วงดําเนินธุรกิจค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงพอๆกับค่าอาคารสถานที่ และค่าการตลาดที่พัก และควรมีการจ้างงานภายนอก (Outsource) ให้มากที่สุด ตั้งแต่ค่าจ้างแม่บ้าน ค่าซักผ้า ค่าซ่อมบํารุงบูติคขนาดเล็กที่เปลี่ยนมาจากบ้านเก่าหลายแห่ง ใช้วิธีเลือกรับเฉพาะลูกค้าที่พักเป็นจํานวน 2 คืนขึ้นไป และรับเฉพาะช่วงเวลาที่มีแรงงาน เช่น ตั้งแต่วันพฤหัสบดีไปจนถึงวันเสาร์ โดยที่ยังสามารถนําการรับลูกค้าแบบนี้มาเป็นจุดขาย ที่ชัดเจนได้อีกด้วย การลดพนักงานหน้าเคาน์เตอร์สามารถทําได้โดยเลือกรับเฉพาะลูกค้าที่จองมาล่วงหน้าและชําระค่าที่พักเรียบร้อยแล้ว ในแง่นี้ที่พักขนาดเล็กหลายแห่งที่มีขนาดใกล้เคียงกันสามารถรวมตัวกันเพื่อจ้างพนักงานเหล่านี้ ซึ่งจะช่วยให้แต่ละแห่งมีค่าใช้จ่ายที่ลดลงได้ 3. ค่าใช้จ่ายด้านอาหารและเครื่องดื่ม ควรออกแบบให้มีเมนูเฉพาะอย่างให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทั้งในเรื่องสไตล์และปริมาณ ที่พักบางแห่งสร้างจุดขายด้วยการเสิร์ฟเฉพาะขนมเพื่อสุขภาพ ผลไม้สด น้ําผลไม้ หรือโยเกิร์ตชั้นดี โดยสร้างจุดขายเป็นที่พักเพื่อสุขภาพ ซึ่งช่วยให้ประหยัดค่าอาหารได้มากกว่าการทําบุฟเฟต์ไลน์ในมือเช้า ที่มักมีอาหารเหลือทิ้งจํานวนมาก บางแห่งมีเมนูเอกลักษณ์ที่คัดสรรแล้วให้ลูกค้ารับประทาน ซึ่งความจริงแล้วก็คือ การเลือกเมนูให้ลูกค้าเลย โดยลดความหลากหลายของรายการอาหารลง ซึ่งเท่ากับเป็นการลดรายจ่าย แต่ทั้งหมดนี้ต้องมีการสื่อสารเรื่องคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับอย่างต่อเนื่องและ สม่ําเสมอ   4. ค่าใช้จ่ายด้านน้ําไฟและสัญญาณลิขสิทธิ์ต่างๆ ในโรงแรมมาตรฐานเป็นเรื่องยากที่จะขอให้ลูกค้าช่วยประหยัดสิ่งเหล่านี้ แต่ในที่พักแบบสร้างสรรค์ เราสามารถสร้างจุดขายให้ลูกค้าได้รับคุณค่าประสบการณ์ที่ดีไปพร้อมกับการช่วยเราประหยัดค่าใช้จ่ายได้ หรือกระทั่งไม่จําเป็นต้องมีโทรทัศน์ในห้อง บางแห่งถึงกับไม่มีสัญญาณไวไฟให้ เพราะสร้างจุดขายว่าต้องการให้ลูกค้าได้พักผ่อนอย่างแท้จริง และผู้ลงทุนเองก็สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปได้ด้วย 5. ด้านการตลาด โดยทั่วไปที่พักต่างๆ จะเสียค่าการตลาดให้กับ Booking Agent ประมาณ 15-30 เปอร์เซ็นต์ สิ่งนี้สามารถแก้ไขได้ โดยการรวมกลุ่มกันกับที่พักที่มีจุดขายและราคาใกล้เคียงกัน เพื่อร่วมกันทําการตลาดตรงกับกลุ่มลูกค้า หรือทําการตลาดผ่านบล็อกเกอร์และโซเชียลมีเดียต่างๆ เมื่อเห็นรายละเอียดค่าใช้จ่ายในชั้นต่างๆ แล้ว ลองกรอกตารางด้านล่างนี้ เพื่อดูว่าที่พักของคุณมีจุดขายอะไร สามารถตัดค่าใช้จ่ายอะไรออกไปได้ ลูกค้าจะยังได้คุณค่าอะไร และคุณจะมีวิธีสื่อสารกับลูกค้าอย่างไร เช่น เมื่อมีการตัดค่าใช้จ่าย...

Read more →


บริหารที่พักขนาดเล็กแบบต้นทุนต่ำ

บริหารที่พักขนาดเล็กแบบต้นทุนต่ำ

บริหารที่พักขนาดเล็กแบบต้นทุนต่ำ ทุนในการทําธุรกิจที่พัก มี 2 ประการ คือ ทุนภายนอกและทุนภายใน ทุนภายนอก คือทุกสิ่งที่เราไม่ได้มีโดยกําเนิด ต้องใช้เงินชื้อหามาใครมีเงินมากก็ซื้อได้มาก ใครมีเงินน้อยก็ชื้อได้น้อย เช่น ที่ดิน อาคาร ที่นอนหมอนมุ่ง เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ ฯลฯ ข้อนี้เรียกรวมๆ อีกอย่างว่า Hardware ซึ่งสามารถแข่งขันกันได้ไม่จบสิ้น ส่วนทุนภายใน คือ ทุกสิ่งที่เรามีอยู่แล้วกับตัว หรือสิ่งที่เราทุกคนได้มาใช้ฟรีๆ ได้เท่าเทียมกัน เช่น จุดขาย การบริการ ชุมชน วัฒนธรรม บรรยากาศ ธรรมชาติ สายลม แสงแดด สายฝน ฯลฯ ที่ไม่ว่าเศรษฐี ยาจก ชาวนา หรือรัฐมนตรี ก็มีสิทธิ์ใช้เท่าเทียมกัน ข้อนี้เรียกรวมๆอีกอย่างว่า Software ธุรกิจที่พักแบบเก่าแข่งขันกันด้วยทุนภายนอก ซึ่งแข่งด้วยความใหม่กว่าใหญ่กว่าทันสมัยกว่า สุดท้ายแล้วทําสินค้าที่เหมือนกันหมด ต่างกันเพียงแค่เปลือกห่อหุ้ม ในที่สุดทั้งหมดก็ก้าวเข้าสู่สงครามแห่งการตัดราคา เป็นการลงทุนจํานวนมากที่ได้ผลตอบแทนน้อยนิดลูกค้าไม่เห็นคุณค่าเพราะทําแต่สิ่งซ้ำซาก ไม่เคยนําเสนอคุณค่าใหม่ๆ หรือคิดถึงประโยชน์ของสังคม ธุรกิจที่พักแบบสร้างสรรค์แข่งขันกันด้วยทุนภายใน บางครั้งเล็ก บางครั้งเก่า หลายครั้งภายนอกกลมกลืน ไม่มีความโดดเด่น แต่ภายในนําเสนอประสบการณ์ใหม่ในการเข้าพักโดยการพาเราไปในสถานที่ที่ไม่เคยไป พบกับคนประเภทที่เราไม่มีโอกาสได้สัมผัสมาก่อนที่สําคัญคือได้เปิดประตูบานใหม่ในการมองโลกและชีวิตให้กับเรา เพื่อบอกให้เราได้รู้ว่าจักรวาลนี้ยังมีอีกหลายเส้นทางให้ค้นหา ธุรกิจที่พักแบบสร้างสรรค์ ลงทุนด้วยความคิดสร้างสรรค์ และการจะเข้าถึงความคิดสร้างสรรค์ได้ ต้องเริ่มด้วยการวางสิ่งที่เคยคิด แล้วให้ความเคารพ น้อมตัวลงต่ำ และมองเห็นคุณค่าของสรรพสิ่งรอบตัว ตั้งแต่ต้นหญ้า กิ่งไม้ นกที่ส่งเสียงร้องสายลมที่พัดไหว แสงแดดที่สาดส่อง เพื่อนบ้านที่กําลังดูทีวี เสียงจากละครวิทยุ วินมอเตอร์ไซค์ พระที่กําลังบิณฑบาต ร้านข้าวแกงปากซอย ฯลฯ เมื่อมองเห็นว่าทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนมีค่าก็จะมองเห็นวิธีที่จะเอาสิ่งเหล่านั้นมาใช้นี้คือกุญแจของการบริหารงานแบบต้นทุนต่ำ การบริหารงานแบบต้นทุนตํ่า มีเป้าหมายหลัก คือ การลดรายจ่าย และการเพิ่มรายได้ โดยมีหลักการอยู่ 2 ข้อ คือ หนึ่ง ลงทุนด้วยตัวเองให้น้อยที่สุด โดยยืมทุนจากรอบตัวมาใช้ให้มากที่สุดสอง ลดรายจ่ายให้มากที่สุด โดยที่ไม่ได้ลดคุณค่าที่มอบให้กับลูกค้า ลงทุนด้วยตัวเองให้น้อยที่สุด โดยยืมทุนจากรอบตัวมาใช้ให้มากที่สุด ที่พักแบบสร้างสรรค์ชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบูติคโฮเต็ล โฮสเทล หรือโฮมสเตย์นั้น มีจุดเด่นข้อหนึ่งที่การลงทุนอสังหาฯ...

Read more →


จุดขายสำคัญกว่าทำเลอย่างไร?

จุดขายสำคัญกว่าทำเลอย่างไร?

จุดขายสำคัญกว่าทำเลอย่างไร? ในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น เป็นที่ทราบกันดีว่ามีกฎเหล็กอยู่เพียงหนึ่งข้อนั่นคือทำเลแน่นอนว่าทุกคนฝันอยากมีทำเลทอง แต่ผมมีคำถามเพียงสองข้อ หนึ่ง ทุกการลงทุนที่ตั้งอยู่บนทำเลทองนั้น ประสบความสำเร็จคุ้มค่ากับศักยภาพของทำเลจริงหรือไม่สอง ถ้าคุณมีทำเลแห่งหนึ่งซึ่งไม่ใช่ทำเลทอง คุณจะมีวิธีการใดที่จะทำให้โครงการประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าทุกคนใฝ่ฝันอยากมีทำเลทอง แต่ในชีวิตจริงไม่เป็นเช่นนั้น หลายคนเกิดในชนบทต่างจังหวัด บางคนอาจได้ที่ดินมรดกที่ทำเลไม่โดดเด่นสักแปลง แล้วคุณควรจะทำอย่างไรกับชีวิตของคุณดี? หรือคุณควรจะออกไปจากธุรกิจนี้เพราะคุณยึดมั่นในกฎของทำเลทอง คุณมีทางเลือกที่เรียบง่ายเพียงทางเดียว คือ จุดขายคือสิ่งที่ทําให้ลูกค้าตัดสินใจยอมจ่ายอะไรบางอย่างเพื่อแลกกับสินค้าของเราจุดขายมีคุณสมบัติ 3 ข้อ คือ1. ต้องเป็นจุดเด่นที่เรามีอยู่คนเดียว คนอื่นโดยเฉพาะคู่แข่งไม่มี ถ้ามีหลายคนไม่ถือว่าเป็นจุดขาย2. จุดเด่นนั้นต้องสามารถสร้างคุณค่าที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้ดีขึ้นได้จนเขายอมจ่าย3. จุดขายที่เรามีนั้น ต้องไม่สามารถมีใครมาแทนที่ได้ จงจําข้อนีไว้ ทุกคนคือนักธุรกิจ และเรากําลังขายบางอย่าง ไม่ว่าคุณจะทําธุรกิจใดก็ตาม คุณอยากให้ลูกค้าซื่อสินค้าของคุณเพราะอะไร?ซื้อเพราะราคาถูก ซื้อเพราะเป็นสินค้าใหม่เลยอยากลอง ชื้อเพราะมันแปลกดี หรือซื้อเพราะคุณค่าที่คุณมอบให้เขานั้นไม่มีใครมอบให้ได้ และสินค้านั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาสินค้าบางประเภทมีคุณค่าในระดับใช้กันวันต่อวัน เดิมพันในการขายก็เป็นระดับวันต่อวันสินค้าบางประเภทใช้กันชั่วชีวิต เดิมพันในการขายก็เป็นระดับชีวิตและสินค้าบางประเภทเกี่ยวพันกับอนาคตของชาติ และใช้กันจนถึงคนรุ่นต่อไปเดิมพันในการขายก็เป็นระดับชาติและระดับชีวิตของผู้คนจํานวนมากถ้าสินค้าของคุณมีคุณค่ามากเพียงพอ ผู้คนจะยอมจ่ายเพื่อแลกกับคุณค่าที่เขาจะได้จากสินค้าของคุณถ้าสินค้าของคุณมีคุณค่ามากในระดับที่ไม่มีใครสามารถให้ได้อย่างคุณ ในระดับที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้ชื้อได้ ผู้ชื้อเหล่านั่นก็จะยอมจ่ายบางสิ่งที่มีคุณค่ามากเช่นกัน เพื่อแลกกับคุณค่าที่เขาจะได้จากสินค้าของคุณ บางครั้งเขาอาจยอมจ่ายด้วยเงินจํานวนมหาศาล บางครั้งอาจถึงขั้นยอมจ่ายด้วยศรัทธาและชีวิตถ้าคุณต้องการให้สินค้าของคุณมีราคาสูงที่สุด คุณค่าที่คุณมอบให้ก็ต้องเป็นระดับจิตวิญญาณ ดังอธิบายไว้ในทฤษฎีความต้องการของอับราฮัม มาสโลว์ นักจิตวิทยาชื่อดังอธิบายเกี่ยวกับลําดับขั้นความต้องการของคนเรา แบ่งออกเป็น 5 ขั้น คือขั้นที่ 1 ความต้องการทางกายภาพ (Physiological)ขั้นที่ 2 ความมั่นคงปลอดภัย (Security)ขั้นที่ 3 มิตรภาพและความรัก (Friendship and love)ขั้นที่ 4 ความเคารพนับถือ (Esteem)และขั้นสูงสุดคือ ความสมบูรณ์ของชีวิต (Self-actualization)โดยขั้นความต้องการพื้นฐาน เช่น กายภาพหรือปัจจัยสี่ จะต้องได้รับการตอบสนองก่อนที่บุคคลจะเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าต่อความต้องการในระดับที่สูงขึ้นได้ และมนุษย์จะจ่ายให้ความต้องการพื้นฐาน เช่น ปากท้อง ในราคาที่ต่ำสุด แต่จะยอมจ่ายให้เกียรติยศ หรือความใฝ่ฝันแห่งชีวิตสูงที่สุด หลักการสร้างจุดขายมีหลักการเพียงข้อเดียว คือ การเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนไม่จําเป็นต้องเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยมีใครทํามาก่อนอาจเป็นการทําเรื่องเดิมๆ ให้ดีขึ้น เร็วขึ้น หรือในราคาที่ถูกลงการค้นพบจุดขายจะเริ่มขึ้นเมื่อคุณตระหนักว่าทุกสรรพสิ่งมีคุณค่าเพราะไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือธรรมชาติล้วนเกิดขึ้นมาจากความพิเศษ มีที่ทางและอาณาจักรของตัวเอง เพื่อที่จะทําหน้าที่บางอย่าง ไม่มีชีวิตใดเกิดขึ้นเพราะความบังเอิญคนล้านคนไม่มีวันเหมือนกัน เช่นเดียวกับทำเลกับที่ตั้งล้านแห่งก็ไม่มีวันเหมือนกันได้ เพราะทุกคนและทุกอย่างมีจุดขาย หน้าที่ของคุณมีเพียงสิ่งเดียวคือ หาสิ่งเหล่านั้นให้เจอ หลายครั้งจุดขายเกิดจากข้อจํากัดและความจําเป็นในการแก้ปัญหา บางครั้งเกิดจากความต้องการในการสร้างสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นอิสระจากอดีต และจุดขายสามารถเป็นได้ทั้งสิ่งที่มีอยู่แล้ว หรือเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน...

Read more →


5 ประเภทที่พัก ที่ควรรู้ก่อนทำธุรกิจที่พัก

5 ประเภทที่พัก ที่ควรรู้ก่อนทำธุรกิจที่พัก

ประเภทของที่พักแบบสร้างสรรค์ เนื้อหานี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพกว้างของที่พักแบบสร้างสรรค์ประเภทต่างๆ เพื่อที่คุณจะได้ตัดสินใจเลือกลงทุนให้เหมาะกับตัวคุณเอง โดยจะขอไม่กล่าวถึงโรงแรมแบบมาตรฐาน เพราะสามารถหาอ่านได้ทั่วไป ที่พักแบบสร้างสรรค์ประเภทต่างๆ มีดังนี้ จุดเด่นของบูติคโฮเต็ล คือ การขายประสบการณ์ที่มีความแตกต่างและเป็น เอกลักษณ์อย่างมาก ซึ่งมักเป็นประสบการณ์ที่เกิดจาก วิถีชีวิตจริงหรือสิ่งที่มีอยู่แล้ว ทําเลและจุดขายของบูติคโฮเต็ลหลายครั้งเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เช่น บรรยากาศหลังวัด ข้างโรงเรียน กลางตลาด ชุมชนที่คนอาศัยอยู่จริง โรงงานเก่า สลัม สุสาน คุกเก่า เหมืองแร่เก่า สะพานปลา ฯลฯ บูติคโฮเต็ล มีเอกลักษณ์ในการตกแต่งไม่เน้นการบริการที่สะดวกสบายอาจมีการให้ลูกค้าบริการตัวเองในบางเรื่อง แต่สามารถเก็บค่าห้องได้ใกล้เคียงกับโรงแรมหรูโดยที่ทําเลไม่จําเป็นต้องอยู่ใกล้ย่านคมนาคม ซึ่งจะช่วยให้การลงทุนด้านทําเลลดลงไปอย่างมาก แต่มักมีความเงียบสงบเป็นส่วนตัวจํานวนห้องมักมีไม่เกิน 30 ห้อง เรียกได้ว่ามีจุดเด่นที่แตกต่างจากโรงแรมมาตรฐานโดยสิ้นเชิง บูติคโฮเต็ล เป็นธุรกิจที่มีหัวใจอยู่ที่การนําเสนอความแตกต่างที่มีคุณค่าความคิดสร้างสรรค์ที่นําไปสู่ผลกําไรโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนหรือสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับชุมชนได้ จะช่วยทําให้บูติคโฮเต็ลประสบความสําเร็จมีชื่อเสียง และความโดดเด่นเหนือการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ ที่เน้นผลประโยชน์เฉพาะบุคคลเป็นหลัก ส่ วนกลุ่มลูกค้าของบูติคโฮเต็ลจะเป็นลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่มีการศึกษาดีและมีกําลังซื้อสูง ตัวอย่างบูติคโฮเท็ล เช่น จักรพงษ์วิลล่า (กรุงเทพฯ), สามเสน 5 ลอดจ์ (กรุงเทพฯ), แทมมารีน วิลเลจ (เชียงใหม่), เมมโมรี แอท ออนออน (ภูเก็ต), Knocknock Home (มะละกา), Hotel du Petit Moulin (ปารีส) และ 42 the Calls (ลีดส์) เป็นต้น ปัจจุบันบูติคโฮเต็ลมีการผสมผสานรูปแบบที่หลากหลาย เกิดการแยกย่อยเป็นประเภทต่างๆ มากขึ้นเช่น Budget Boutique Hotel ที่ตัดการบริการที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อลดค่าใช้จ่ายและค่าห้อง แต่ยังคงเน้นการนําเสนอประสบการณ์แปลกใหม่ Lifestyle Boutique Hotel ที่เน้นกิจกรรมของลูกค้ามากกว่าการตกแต่งหรือบริการ มุมมองแง่การลงทุน บูติคโฮเต็ลเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ เพราะมีการลงทุนที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับรายรับที่ได้โดยเป็นรูปแบบธุรกิจที่ดึงสิ่งต่างๆ รอบตัวมาร่วมเป็นจุดขาย ทําให้ไม่ต้องลงทุนเองมากนักการลงทุน เป็นไปได้ตั้งแต่น้อยมากไปจนถึงสูงมาก ประเด็นที่สําคัญที่สุดคือเอกลักษณ์โดยเฉพาะกรณีอาคารเก่าที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ยิ่งสามารถสร้างจุดขายได้เป็นอย่างดี รวมทั้งประสบการณ์ใหม่ที่ได้จากการเข้าพัก ในขณะที่บูติคโฮเต็ลเน้นขายประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นตามวิถีชีวิต (Original Experience) ดีไซน์โฮเท็ลเป็นที่พักประเภทเน้นขายประสบการณ์ที่เกิดจากงานออกแบบที่สร้างขึ้นใหม่อย่างสวยงาม มีเอกลักษณ์ และมักเป็นสไตล์ที่เข้ากับสมัยนิยมในขณะนั้น เน้นความหรูหรา มีความสะดวกสบายสูง...

Read more →


4 คำถาม ที่ต้องตอบให้ได้ก่อนลงมือ ทำธุรกิจบูติคโฮเต็ล และโฮสเทล

4 คำถาม ที่ต้องตอบให้ได้ก่อนลงมือ ทำธุรกิจบูติคโฮเต็ล และโฮสเทล

ในโลกนีมีที่พักหลากหลายรูปแบบ ในบทนี้เราจะมาทําความรู้จักกับที่พักประเภท ต่างๆ เพื่อให้รู้ว่าที่พักแบบไหนตรงกับทักษะและวิสัยทัศน์ในธุรกิจของคุณ ก่อนการลงทุน คุณควรรู้ข้อมูลภาพกว้างทั้งหมด เพื่อให้เลือกรูปแบบที่สามารถทําได้ดีที่สุดและน่าจะขาย ได้ดีเช่นกันอย่างไรก็ตาม เมื่อคุณเริ่มคิดที่จะลงทุนอย่างจริงจัง มี 4 คําถามที่คุณจําเป็นต้อง ตอบให้ได้ ก่อนตัดสินใจลงมือทํา (หรือไม่ทํา) ธุรกิจนั้น 4 คำถาม ก่อนลงมือทำธุรกิจ   คําถามแรกคือ WHAT (อะไร) เช่น ทําที่ไหนดี / ลงทุนเท่าไรดี / ทําสไตล์ไหนดี / ลูกค้าแบบไหนจะมาพัก / ทําแล้วจะขายได้มั้ย / แล้วถ้าขายไม่ได้ล่ะ ฯลฯนี่คือคําถามในชุดแรกเมื่อคุณ "คิด” ที่จะทําธุรกิจเป็นช่วงที่คุณจะสนุกกับการหาข้อมูลเชิงกว้างมากมาย เช่น ไปดูทําเลต่างๆ และสิ่งที่คุณควรทําที่สุดในช่วงนี้คือ การลงทุนหาข้อมูลคู่แข่ง โดยลองไปพักดูโรงแรมที่ทําสําเร็จแล้วที่คุณชื่นชม อยากทําตาม หรืออยากเป็นคู่แข่ง รวมถึงไปพูดคุยกับเจ้าของที่ประสบความสําเร็จให้มากที่สุดในช่วงนี้คนที่คุณต้องการคือ เพื่อนที่มีความฝันเดียวกันไว้ร่วมเดินทาง ดูงาน และหาข้อมูลแลกเปลี่ยนกัน เพราะการไปดูงานนั้นถ้ามีสองคนจะสามารถช่วยสอบถามเก็บข้อมูลถ่ายรูปในมุมมองที่แตกต่างกัน รวมถึงช่วยแชร์ค่าใช้จ่ายด้วยบางคนถึงกับลงทุนไปฝึกงานโดยไม่ได้เงินเดือน หรือลองไปทำงานกับสถานที่ที่ชื่นชม ซึ่งอาจจะเป็นบูติคโฮเต็ลหรือโฮสเทล ทั้งในหรือต่างประเทศที่หลายแห่งมีโปรแกรมในการรับพนักงานฝึกงานด้วยตัวผมเองที่เริ่มทำ “สามเสน 5 ลอด์จ” นั้น ได้ลองไปนอนพักที่พักต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในย่านเดียวกันหลายสิบแห่ง นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากเพราะเป็นหนทางเดียวที่จะได้เรียนรู้โดยตรง เนื่องจากสมัยนั้นไม่มีใครมาสอนหรือเขียนหนังสืออธิบาย ที่สำคัญคือได้รู้จักกับเจ้าของที่พักจํานวนมาก จนหลายคนกลายมาเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อคุณต้องเริ่มควักเงินจ่ายจริง เกิดการลงทุนจริง เจ็บจริง จะเกิดคำถาม WHY (ทำไม) ขึ้นมาเป็นช่วงที่คุณต้องนั่งนิ่งๆ แล้วถามตัวเองจนแน่ใจว่า เราจ่ายเงินไปทําไม / เราทําสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร / มันคือสิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา ฯลฯช่วงนี้มีความสําคัญที่สุด คุณสมควรต้องใช้เวลาใคร่ครวญกับคําถามนี้ให้มากๆ ว่า “ทําไม"คุณถึงอยากทําธุรกิจนี้ บางคนทําเพราะมีตึกว่างอยู่ บางคนทําเพื่ออิสรภาพในชีวิต บางคนทําเพื่อให้สุขภาพดีขึ้น บางคนอยากรวย บางคนอยากพิสูจน์ตัวเอง บางคนอยากทําธุรกิจที่สามารถใช้เวลาร่วมกับครอบครัวได้ บางคนทําเพื่อให้เป็นทางออกของชีวิต ฯลฯในหัวของคุณจะวนเวียนอยู่กับความคิดเหล่านี้ เช่น สิ่งที่ฉันอยากลงทุน ทำได้ยาก แต่สิ่งที่ทํายากมักโดดเด่นและขายได้ราคาดีเสมอ สรุปแล้วควรจะลงทุนไหม? แล้วถ้าจําเป็น ต้องลงทุนในสิ่งที่ไม่ชอบ แต่น่าจะขายดีล่ะ จะยังทําไหม? ถ้าทําแล้วไม่ดัง...

Read more →