News
สูตรลงทุนแบบ 60+ ใกล้เกษียณแล้ว ลงทุนทำอะไรดี
บทวิเคราะห์จาก Bloomberg ระบุว่า ภายในปี 2030 (หรือ พ.ศ. 2573) นี้ ประเทศไทยจะมีจำนวนผู้สูงอายุที่ 60 ปีขึ้นไปรวมแล้วมากกว่า 1 ใน 4 ของประเทศ สอดคล้องกับที่ลูกเพจหลายๆ ท่านมักจะบ่นกับเราเสมอว่า เมื่อถึงวันที่ใกล้จะต้องเกษียณอายุ จะรู้สึกแปลก ๆ กับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานที่ลดลง สุขภาพที่เริ่มเสื่อมโทรม รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเงิน เพราะรายได้ประจำจะหายไปในขณะที่รายจ่ายยังคงมีต่อเนื่อง ยิ่งคนโสดเมื่อแก่ชราไปยิ่งต้องดูแลตัวเองมากกว่าคนอื่น การวางแผนการเงินและการลงทุน จึงเป็นส่วนสำคัญต่อชีวิตในบั้นปลาย ดังนั้นวันนี้เราจึงขอแนะนำว่าในวัยเกษียณนั้น คุณควรนำเงินไปลงทุนอะไรบ้าง ข้อสำคัญเลย อย่างเสี่ยงกับอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะการลงทุนไม่ว่าจะกับสิ่งไหน ก็เกิดความเสี่ยงทั้งนั้น ดังนั้นทางที่ดีคุณควรแบ่งเงินลงทุนไว้เป็นหลายๆ ส่วน ซึ่งวันนี้เราขอยกตัวอย่างการแบ่งการลงทุนเป็น 3 ระยะ 3 ส่วน ดังนี้ 1. เงินลงทุนระยะสั้น คือเอาไว้ใช้วันต่อวัน เงินในส่วนนี้จะนำไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เคยเห็นเทคนิคการเก็บเงินหยอดกระปุกวันละ 50 บาท นั่นก็เป็นเหมือนการฝากได้เช่นกัน เพราะข้อดีของมันก็คือ ไม่ต้องเสี่ยงไปกับการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งยังได้คุณค่าทางใจจากการเก็บหอมรอมริบไว้เป็นประจำ เพียงแต่วิธีนี้ไม่มีดอกเบี้ยไว้ทำกำไรให้งอกเงย อีกทั้งเมื่อนับวันไปเงินในกระปุกก็อาจมีมูลค่าน้อยลงเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อที่มีเปอร์เซ็นต์เพิ่มสูงขึ้นทุก ๆ ปี การลงทุนในการฝากธนาคารในรูปแบบออมทรัพย์และฝากประจำระยะสั้น ก็อาจเป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุนระยะสั้น เพราะมีความเสี่ยงต่ำ แต่ผลตอบแทนอาจจะน้อยไปนิด ซึ่งจะให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำแต่ก็ถือว่ายังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย หรือถ้าอยากได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น ก็ลองฝากประจำระยะยาว โดยสามารถปรึกษารูปแบบการฝากได้จากเจ้าหน้าที่ซึ่งจะทำให้รับทราบข้อมูลต่าง ๆ อย่างละเอียดได้ดียิ่งขึ้น 2. เงินลงทุนระยะกลาง เน้นขาดทุนน้อยที่สุด เงินลงทุนในส่วนนี้จะเน้นไปที่การรักษาเงินต้นที่ลงทุนแต่ก็พยายามให้มีการขาดทุนน้อยที่สุด หรือพูดง่าย ๆ คือ พยายามให้ชนะเงินเฟ้อ โดยนำไปลงทุนตราสารหนี้ซะส่วนใหญ่ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่จะขาดทุน ขณะเดียวกันก็มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนจากการที่ชนะอัตราเงินเฟ้อ หรือการฝากประจำที่สามารถรับดอกเบี้ยเป็นรายเดือนก็น่าลงทุนเช่นกัน เพราะการฝากเงินในลักษณะนี้เหมือนมีบำนาญไว้ใช้ซึ่งจะสร้างความอุ่นใจให้แก่ผู้สูงอายุ เมื่อเกิดเหตุอะไรขึ้นก็ยังสามารถไปถอนเงินก้อนออกมาใช้ก่อนกำหนดได้ และในขณะเดียวกันก็ยังได้รับดอกเบี้ยเป็นรายเดือนเหมือนเดิมอีกด้วย และ 3. เงินลงทุนระยะยาว การลงทุนที่เราควรมีความสุขกับมัน เหมาะกับการลงทุนที่มีระยะ 10 ปีขึ้นไป โดยเป้าหมายจะเน้นไปที่ผลตอบแทนที่แน่นอนและมีการงอกเงยของจำนวนเงิน คุณก็อาจจะเพิ่มการลงทุนไปที่พวกตราสารทุนมากหน่อย และลดสัดส่วนของตราสารหนี้ลงเล็กน้อย แบบนี้จะทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาวมีโอกาสสูงเพิ่มมากขึ้น...
“มหาภารตะโรงแรมเล็ก” จับตาและเจาะตลาดนักท่องเที่ยวอินเดียกว่า 2 ล้านคน
ใครๆ ก็รู้ว่านักท่องเที่ยวจีน สำคัญกับไทย แต่หลายคนไม่รู้ว่าตั้งแต่ปี 2018 นักท่องเที่ยวจีนที่มาไทย “ชะลอตัวลง” ในขณะเดียวกันกลับมีนักท่องเที่ยวจากประเทศหนึ่ง ที่กำลังเติบโต นั่นก็คือ “อินเดีย” คุณรู้ไหมว่า นทท. อินเดีย โดยเฉลี่ยใช้เงิน 5,849 บาทต่อวัน และอยู่ครั้งละประมาณ 7-8 วันเรามาดูสถิตินักท่องเที่ยวอินเดียที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ปี 2016 จำนวนนักท่องเที่ยวอินเดีย 1.2 ล้านคน ปี 2017 จำนวนนักท่องเที่ยวอินเดีย 1.4 ล้านคน ปี 2018 จำนวนนักท่องเที่ยวอินเดีย 1.6 ล้านคน (คาดว่าปีนี้ น่าจะแตะหลัก 2 ล้านคน) รายได้จากนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่มาประเทศไทย ปี 2014 รายได้ 37,000 ล้านบาท ปี 2018 รายได้ 66,000 ล้านบาท ปัจจุบัน สัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนเท่ากับ 28% และอินเดียเท่ากับ 4% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่ 38.3 ล้านคน แต่มีการคาดการณ์ว่าไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า สัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนจะเท่ากับ 30% และอินเดียจะเท่ากับ 15% หมายความว่า การเติบโตของนักท่องเที่ยวอินเดียจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก จำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียที่เติบโตเกิดจากหลายปัจจัย แต่ที่สำคัญคือ ความมั่งคั่งของชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอินเดีย ปี 2008 มูลค่า GDP ของอินเดียเท่ากับ 35.7 ล้านล้านบาท ปี 2018 มูลค่า GDP ของอินเดียเท่ากับ 81.5 ล้านล้านบาท ขณะที่รัฐบาลอินเดียได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์เมื่อปี 2018 โดยระบุว่า รัฐบาลตั้งเป้าที่จะทำให้ประเทศมีขนาดเศรษฐกิจถึง 152 ล้านล้านบาท ภายในปี 2030 หรือ เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปัจจุบัน ในปี 2018 ชนชั้นกลางของอินเดียมีจำนวน 80 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 580...
“ทำเลเลว แต่กำไรงาม” 5 เหตุผล ทำไมควรเลือกทำเลที่เลวๆ ทำโรงแรมเล็ก
เชื่อกันมานานว่า ใครมีทำเลดีก็ถือว่าได้เปรียบ แน่นอนว่าทุกคนใฝ่ฝันอยากมีทำเลทอง แต่ในชีวิตจริงไม่เป็นเช่นนั้น หลายคนเกิดในชนบทต่างจังหวัด บางคนอาจได้ที่ดินมรดกที่ทำเลไม่โดดเด่นสักแปลง แล้วคุณควรจะทำอย่างไรกับชีวิตของคุณดี? หรือคุณควรจะออกไปจากธุรกิจนี้เพราะคุณยึดมั่นในกฎของทำเลทอง ? แต่เชื่อไหม การลงทุนทำโรงแรมในทำเลเลวๆ กลับมีโอกาสที่จะงอกเงยกำไรมากกว่า เพราะ “ทุกพื้นที่ที่มนุษย์สามารถเดินทางไปถึงนั่นคือทำเลของบูติคโฮเต็ล” เรามักจะถูกสอนเสมอว่า...... “ธุรกิจที่ดีและประสบความสำเร็จ ต้องอาศัยกฎ 3L/4P - Location Location Location หรือ Place Place Place Place” แต่!! ถ้าเรากำลังจะบอกคุณว่า แนวคิดนั้นใช้ไม่ได้กับธุรกิจบูติคโฮเต็ล และโฮสเทล คุณจะเชื่อไหม? ทำเลเลว คือ พิ้นที่ ที่ไม่ติดถนนใหญ่ อยู่ในซอยลึก รถเข้าไม่ถึง จอดรถไม่ได้ สภาพแวดล้อมเป็นชุมชนแออัด ที่ตั้งอยู่ชานเมือง แต่ที่สำคัญคือ ราคาถูก... นี่คือเหตุผลว่าทำไม ทำเลเลว จึงมีโอกาสมากกว่า ทำเลดี ลดคู่แข่งทางธุรกิจ เพราะด้วยเรื่องทำเลทองนั้น ต่างก็มีนักลงทุนอสังหาริมทรัพยฺ์ส่วนใหญ่จับจองไว้แล้วราคาเช่าที่ดินก็แสนแพง งบประมาณในการลงทุนสูงตามไปด้วย ได้ราคาขายต่อห้องก็ได้กำไรแสนน้อย เป็นเพราะคู่แข่งต่างกดราคากันเอง ส่วนใหญ่ทำเลที่ดีนั้นจะมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด เริ่มลงทุนทำธุรกิจทั้งทีอาจจะได้แค่โฮสเทลเล็กๆ จำนวนเตียงมาก แต่กำไรได้น้อย การบริหารค่อนค้างจุ๊กจิ๊กเพราะต้องดูแลลูกค้ามากหน้าหลายตา ส่วนทำเลเลวนั้น นักลงทุนส่วนใหญ่ที่ไม่รู็จริงไม่กล้าลงทุน เพราะด้วยทางวิชาการแล้ว “ทำเลเลว” นั้นลงทุนไปก็มีแต่จะเจ๊ง จึงทำให้ไม่มีคู่แข่งที่จะมาเอาส่วนแบ่งทางการตลาดของเราไป ประหยัดงบประมาณในการลงทุน การลงทุนในที่ดินเป็นการลงทุนก้อนใหญ่ และก้อนสำคัญที่สุดในธุรกิจนี้ คงจะเป็นเรื่องดีถ้าทุกคนสามารถมีทำเลที่สุดยอดอยู่กลางสี่แยก สามารถเข้าถึงได้โดยรถสาธารณะ จอดรถได้ ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ใกล้ตลาด แต่ความเป็นจริงไม่ใช่แค่นั้น บางครั้งคุณได้ที่ดินมาด้วยศักยภาพจำกัด ซื้อได้แค่ที่ดินท้ายซอยหรือได้รับมรดกที่เป็นที่ดินที่มีทำเลแย่ แต่มันสามารถช่วยลดเงินลงทุนของคุณที่ไม่ควรเสีย เอาไปใช้เพิ่มงบประมานการใช้จ่ายในด้านการออกแบบ หรือด้านการตลาดแทน เพิ่มคุณค่าต่อสังคม คุณสมบัติข้อนี้เป็นหัวใจของธุรกิจบูติคโฮเต็ล และโฮสเทล เพราะคุณต้องการลงทุนน้อย และต้องการใช้ประโยชน์จากสิ่งรอบตัว และเมื่อคุณมองสิ่งรอบตัวเป็นหุ้นส่วนคุณต้องรู้จักการตอบแทนคืนในรูปแบบการกระจายรายได้หรือความสัมพันธ์กับการอนุรักษ์ธรรมชาติ การเอื้อประโยชน์ต่อสิ่งอื่นด้วยการดึงสิ่งรอบตัวเป็นทุนนี้ นอกจากทำให้คุณจะลงทุนน้อยแล้ว ยังเป็นกลไกสำคัญที่สร้างสังคมเครือข่ายของผู้ประกอบการ และเศรษฐกิจชุมชนที่เข้มแข็งได้อย่างทรงพลัง สร้างจุดขายและเอกลักษณ์ได้เต็มที่ และมีความเป็นส่วนตัว เพราะการสร้างจุดขาย คือ กุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ หรือความล้มเหลวในธุรกิจนี้ ถ้าธุรกิจของคุณไม่ดีมีแต่จุดด้อย ไม่ได้มีปมหน้าค้นหา ลองมองหาสิ่งที่มีอยู่รอบๆตัว...
“สร้างโรงแรมด้วยผลส้ม” ตัวอย่างการสร้างจุดขาย ของหมู่บ้านอุมะจิ ประเทศญี่ปุ่น
ในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น เป็นที่ทราบกันดีว่ามีกฎเหล็กอยู่เพียงหนึ่งข้อนั่นคือทำเล แน่นอนว่าทุกคนฝันอยากมีทำเลทอง แต่มีคำถามสองข้อ หนึ่ง ทุกการลงทุนที่ตั้งอยู่บนทำเลทองนั้น ประสบความสำเร็จคุ้มค่ากับศักยภาพของทำเลจริงหรือไม่ ? สอง ถ้าคุณมีทำเลแห่งหนึ่งซึ่งไม่ใช่ทำเลทอง คุณจะมีวิธีการใดที่จะทำให้โครงการประสบความสำเร็จ ? แน่นอนว่าทุกคนใฝ่ฝันอยากมีทำเลทอง แต่ในชีวิตจริงไม่เป็นเช่นนั้น หลายคนเกิดในชนบทต่างจังหวัด บางคนอาจได้ที่ดินมรดกที่ทำเลไม่โดดเด่นสักแปลง แล้วคุณควรจะทำอย่างไรกับชีวิตของคุณดี? หรือคุณควรจะออกไปจากธุรกิจนี้เพราะคุณยึดมั่นในกฎของทำเลทอง ? คุณมีทางเลือกที่เรียบง่ายเพียงทางเดียว คือ “สร้างจุดขาย” จุดขายคือสิ่งที่ทําให้ลูกค้าตัดสินใจยอมจ่ายอะไรบางอย่างเพื่อแลกกับสินค้าของเรา จุดขายมีคุณสมบัติ 3 ข้อ คือ 1. ต้องเป็นจุดเด่นที่เรามีอยู่คนเดียว คนอื่นโดยเฉพาะคู่แข่งไม่มี ถ้ามีหลายคนไม่ถือว่าเป็นจุดขาย 2. จุดเด่นนั้นต้องสามารถสร้างคุณค่าที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้ดีขึ้นได้ จนเขายอมจ่าย 3. จุดขายที่เรามีนั้น ต้องไม่สามารถมีใครมาแทนที่ได้ จงจําข้อนีไว้ ทุกคนคือนักธุรกิจ และเรากําลังขายบางอย่าง ไม่ว่าคุณจะทําธุรกิจใดก็ตาม คุณอยากให้ลูกค้าซื่อสินค้าของคุณเพราะอะไร? ซื้อเพราะราคาถูก ซื้อเพราะเป็นสินค้าใหม่เลยอยากลอง ชื้อเพราะมันแปลกดี หรือซื้อเพราะคุณค่าที่คุณมอบให้เขานั้นไม่มีใครมอบให้ได้ และสินค้านั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา สินค้าบางประเภทมีคุณค่าในระดับใช้กันวันต่อวัน เดิมพันในการขายก็เป็นระดับวันต่อวัน สินค้าบางประเภทใช้กันชั่วชีวิต เดิมพันในการขายก็เป็นระดับชีวิต และสินค้าบางประเภทเกี่ยวพันกับอนาคตของชาติ และใช้กันจนถึงคนรุ่นต่อไปเดิมพันในการขายก็เป็นระดับชาติและระดับชีวิตของผู้คนจํานวนมาก ถ้าสินค้าของคุณมีคุณค่ามากเพียงพอ ผู้คนจะยอมจ่ายเพื่อแลกกับคุณค่าที่เขาจะได้จากสินค้าของคุณ ถ้าสินค้าของคุณมีคุณค่ามากในระดับที่ไม่มีใครสามารถให้ได้อย่างคุณ ในระดับที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้ชื้อได้ ผู้ชื้อเหล่านั่นก็จะยอมจ่ายบางสิ่งที่มีคุณค่ามากเช่นกัน เพื่อแลกกับคุณค่าที่เขาจะได้จากสินค้าของคุณ บางครั้งเขาอาจยอมจ่ายด้วยเงินจํานวนมหาศาล บางครั้งอาจถึงขั้นยอมจ่ายด้วยศรัทธาและชีวิต หลักการสร้างจุดขายมีหลักการเพียงข้อเดียว คือ มันเปลี่ยนชีวิตผู้คนให้ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนไม่จําเป็นต้องเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยมีใครทํามาก่อนอาจเป็นการทําเรื่องเดิมๆ ให้ดีขึ้น เร็วขึ้น หรือในราคาที่ถูกลง การค้นพบจุดขายจะเริ่มขึ้นเมื่อคุณตระหนักว่าทุกสรรพสิ่งมีคุณค่า เพราะไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือธรรมชาติล้วนเกิดขึ้นมาจากความพิเศษ มีที่ทางและอาณาจักรของตัวเอง เพื่อที่จะทําหน้าที่บางอย่าง ไม่มีชีวิตใดเกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ คนล้านคนไม่มีวันเหมือนกัน เช่นเดียวกับทำเลกับที่ตั้งล้านแห่งก็ไม่มีวันเหมือนกันได้ เพราะทุกคนและทุกอย่างมีจุดขาย หน้าที่ของคุณมีเพียงสิ่งเดียวคือ หาสิ่งเหล่านั้นให้เจอ หลายครั้งจุดขายเกิดจากข้อจํากัดและความจําเป็นในการแก้ปัญหา บางครั้งเกิดจากความต้องการในการสร้างสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นอิสระจากอดีต และจุดขายสามารถเป็นได้ทั้งสิ่งที่มีอยู่แล้ว หรือเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มูลค่าของจุดขายขึ้นอยู่กับคุณค่าที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คน การเลือกจุดขาย สำหรับการเลือกจุดขายของประเทศหรือชุมชนนั้น ควรเลือกจากศักยภาพที่คนส่วนใหญ่สามารถทําได้ ประเทศหรือชุมชนที่ยิ่งมีขนาดเล็กมีทรัพยากรจํากัด ก็ยิ่งต้องมีจุดขาย และต้องโฟกัสชัดเจนมากขึ้น การเลือกจุดขายของที่พักแบบสร้างสรรค์ มีข้อคำนึงต่อไปนี้ 1. เอกลักษณ์หรือจุดเด่นใดบ้างที่เราหรือพื้นที่รอบๆ ที่เรามี แต่คนอื่นไม่มี...
“หนังสือ+CD ทำธุรกิจโรงแรมเล็ก” สร้างมูลค่าและรายได้ให้กับทรัพย์สินของคุณ ทำในสิ่งที่คุณรัก เพื่ออิสระภาพทางชีวิตและการเงิน ด้วยธุรกิจโรงแรมเล็ก!!!
“หนังสือชุดนี้เป็นมากกว่าคู่มือการลงทุนทางธุรกิจ แต่มันยังเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ภาษาคมคาย สั้น กระชับ ไม่ว่าคุณจะสนใจทำบูติคโฮเต็ลหรือไม่ก็ตาม... มันเต็มไปด้วยกรณีศึกษามากมายทั้งไทยและเทศเกี่ยวกับคนที่เปิดบูติคโฮเต็ลแล้วประสบความสำเร็จ พวกเขาเหล่านั้นทำได้อย่างไรที่สามารถเปลี่ยน "บ้านเก่า" ให้กลายเป็น "บูติคโฮเต็ล" ด้วยการลงทุนหลักแสน แต่คิดค่าห้องได้แพงกว่าคนที่ลงทุนสร้างโรงแรมเป็นหลักสิบล้านร้อยล้าน” วิสูตร แสงอรุณเลิศ- นักเขียน Bestseller เจ้าของผลงาน "งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า" “สารภาพตามตรงครับว่า ในบางอารมณ์ของ "ขิง" หรือ "วรพันธุ์ คล้ามไพบูลย์" เหมือนกระจกเงาในการมองย้อนกลับไปในอดีตของผม และผมเชื่อว่าหนังสือของ "ขิง" จะเป็นก้าวเล็กๆ ที่สำคัญยิ่งอีกก้าวของกระบวนการพัฒนาจาก "ขิงอ่อน" ให้เป็น "ขิงแก่" ที่เข้มข้นและลุ่มลึกขึ้นไปอีกขั้น” ผศ.ดร.ภัทรพล เวทยสุภรณ์ (อ.เชี่ยว ชอบช่วย)- กูรูอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของแนวคิด "บ้านไม่บาน" “หนังสือของเปลี่ยนบ้านเก่าเป็นบูติคโฮเต็ลชุดนี้ เป็นผลงานที่เป็นมากกว่าหนังสือประเภท How to อย่างเทียบกันไม่ได้เลย แต่เป็นการผสมผสานที่ลงตัวอย่างมาก ระหว่างแนวคิด แนวทาง ความชอบ ให้กลายมาเป็น "ความรู้" และเป็นความรู้ที่จะทำให้คนที่ชื่นชอบวิถีของบูติคโฮเต็ลสามารถเข้าใจ เข้าถึงด้วยภาษาที่ง่าย” สุรพล โอภาสเสถียร- ผู้จัดการใหญ่ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติจำกัด (เครดิตบูโร) คำนิยมจากกูรูตัวจริงในวงการอสังหาริมทรัพย์และการลงทุน กับชุดหนังสือและซีดี Audio ที่รวบทุกเรื่องที่คุณต้องรู้ก่อนลงมือทำบูติกโฮเต็ล โฮสเทล และโฮมสเตย์ในฝันให้ประสบความสำเร็จ ถ่ายทอดโดยตรงจากนักบริหารการโรงแรมมากประสบการณ์ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จโรงแรมเล็กชั้นนำหลายแห่ง เริ่มจากแบบสำรวจตัวเอง การวิเคราะห์การลงทุน แนวคิดรูปแบบที่โดดเด่นน่าดึงดูด เงินลงทุน แหล่งเงินทุน กระบวนการวางแผนก่อนเปิดบริการ ลูกค้า การสือสาร รวมถึงวิธีการที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจในบริการที่ดี นำเสนอด้วยสำนวนภาษาเข้าใจง่าย ช่วยให้คุณเข้าใกล้ความสำเร็จเร็วขึ้นไปอีกขั้น (ราคาพิเศษวันนี้ เมื่อซื้อเป็นชุด) สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ทาง https://theboutiqueking.com/collections/books-cd --------- ขอบคุณข้อมูล เปลี่ยนบ้านเก่าเป็นบูติคโฮเต็ลHomemade Stay --------- ติดตามบทความดีๆ ด้านการสร้างสรรค์โรงแรม บูติคโฮเต็ล โฮสเทล และโฮมสเตย์ โดยทีมงานสถาปนิก ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านการออกแบบ การตลาดและการลงทุน ได้ทางเพจ เปลี่ยนบ้านเก่าเป็นบูติคโฮเต็ล :...