July 08, 2019
•
Worapan King
ธุรกิจโรงแรมเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้จำนวนมากให้แก่ประเทศไทย โดยคิดเป็นกว่า 28% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดของนักท่องเที่ยวในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 จากการสำรวจความคิดเห็นของแขกผู้เข้าพักและผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย กว่า 7,500 คน รายงาน เทรนด์อนาคตขับเคลื่อนธุรกิจโรงแรม เผยให้เห็นถึงแนวโน้มสำคัญที่ระบุว่า ‘ประเภทห้องพัก ’ อาจไม่มีความหมายอีกต่อไป (The Beginning of the End for Room Types): ประเภทห้องพัก เช่น ห้องเตียงเดี่ยว (Single), ห้องเตียงเดี่ยวไซส์ใหญ่ (Double), ห้องเตียงคู่ (Twin), ห้องชุด (Suite) หรือห้องสำหรับครอบครัว (Family Room) เป็นรูปแบบที่นิยมใช้กันทั่วไปในธุรกิจโรงแรมและเป็นที่รู้จักของแขกผู้เข้าพักทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยชี้ให้เห็นว่า ประเภทห้องพักที่เราคุ้นเคยนี้กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป ในอนาคตผู้เข้าพักจะสามารถขอเปลี่ยนโต๊ะทำงานเป็นเสื่อโยคะ สตรีมดูคอนเทนต์ของตนเองบนจอทีวีในห้องพัก รวมไปถึงขอเข้าพักในห้องชั้น 3 ที่มองเห็นวิวที่ตนชื่นชอบได้
การซื้อสินค้าหรือบริการที่ปรับตามความต้องการของตนเองเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยุคปัจจุบันคุ้นเคย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับดนตรี ความบันเทิง แฟชั่น และการท่องเที่ยว ดังนั้น ธุรกิจโรงแรมซึ่งแต่เดิมมักแบ่งห้องพักเป็นมาตรฐานค่อนข้างตายตัวจึงต้องปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนไป ผลสำรวจระบุว่า นักท่องเที่ยวทั่วโลก 61% ต้องการให้โรงแรมกำหนดราคาห้องพักในแบบที่พวกเขาสามารถเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกได้ นี่อาจนำไปสู่เทรนด์ ‘การจองห้องพักตามสิ่งอำนวยความสะดวกที่เลือก’ (Attribute-based Booking) ซึ่งแขกสามารถเลือกสิ่งอำนวยความสะดวกแต่ละชิ้นภายในห้องพักได้เอง และอาจทำให้ประเภทห้องพักแบบเดิมๆ เริ่มหายไป นอกจากนี้ รูปแบบการขายใหม่ๆ กำลังจะกลายมาเป็นมาตรฐานในธุรกิจโรงแรมด้วยเช่นกัน โดยแขกผู้เข้าพักจะสามารถจองห้องพักตามระยะเวลาที่ต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องจองเป็นคืนอีกต่อไป
เมื่อเทียบกับทั้งหมด 12 ตลาดที่ทำการสำรวจ พบว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงที่สุดสำหรับเทรนด์การปรับห้องพักตามความต้องการของผู้เข้าพัก โดย 38% ของนักท่องเที่ยวไทยระบุว่า เคยเข้าพักในห้องพักที่ปรับตามความต้องการส่วนบุคคล และ 45% สนใจที่จะพักในห้องดังกล่าวในอนาคต ซึ่งชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อผลักดันการเติบโตในธุรกิจโรงแรม
การปรับผลิตภัณฑ์และบริการตามความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalization) เป็นเทรนด์ที่ส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในปัจจุบัน ผู้บริโภคคาดหวังประสบการณ์ที่เหมาะกับตัวตนมากขึ้น ตั้งแต่การเริ่มค้นหาห้องพักไปจนถึงการเช็กเอาต์ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่มาพร้อมเทรนด์ดังกล่าวสำหรับธุรกิจโรงแรมก็คือ ระบบไอทีดั้งเดิมที่แยกขาดจากกัน และมักตั้งอยู่บนโครงสร้างแบบปิด อุตสาหกรรมโรงแรมจึงมักประสบปัญหาในการรวบรวมข้อมูลผู้เข้าพักและการให้บริการแบบเฉพาะบุคคล เนื่องจากข้อมูลส่วนใหญ่ถูกจัดเก็บอย่างกระจัดกระจาย ทำให้ระบบไม่มีข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์ เทคโนโลยีคลาวด์จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาข้อมูลที่กระจัดกระจายนี้ และรวมระบบเทคโนโลยีต่างๆ เข้าด้วยกันผ่านแพลตฟอร์มแบบเปิด ด้วยระบบแบบรวมศูนย์นี้ ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมจะสามารถเข้าถึงข้อมูลประวัติของแขกและความชอบส่วนบุคคลได้จากทุกจุดบริการ . และสำหรับทุกท่านที่เริ่มหรือกำลังทำธุรกิจบูติคโฮเต็ล โฮสเทล และโฮมสเตย์ ที่อยากทราบขั้นตอนการทำ และวิธีเปลี่ยนตึกเก่าให้เป็นโรงแรมอย่างถูกกฎหมาย เราขอแนะนำหนังสือที่สมาคมโรงแรมไทยให้การรับรอง LAW for Small Hotel กฎหมายสำหรับโรงแรมขนาดเล็ก รวมทุกเรื่องราว เช่น รายละเอียดและตัวอย่างเอกสารที่ต้องใช้สำหรับการดำเนินการทุกขั้นตอน รายละเอียดกฎหมายที่ต้องรู้ พร้อมคำอธิบายที่เข้าใจได้ง่ายมาก และทำโรงแรมอย่างไร ให้ถูกกฎหมายไม่ให้โดนปิดกิจการทีหลัง สามารถสั่งซื้ออนไลน์ได้ทาง https://theboutiqueking.com/collections/books/products/law-for-small-hotels-1 --------- ขอบคุณข้อมูล อมาเดอุส (Amadeus) อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป หรือ ไอเอชจี (IHG) ---------
← Older Post
Newer Post →