SRILANKA

Vtac Collaborator

ศรีลังกา ประเทศในแถบเอเชียใต้ ที่คนไทยอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นชินนักกับการเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศนี้ ไปดูกันว่าประเทศที่ถูกยกให้เป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุดแห่งปีของ Lonely Planet นี้ จะมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้างที่คุณควรลองไปสัมผัส โดยเฉพาะท่านที่ทำธุรกิจหรือกำลังเริ่มต้นสร้างสรรค์โรงแรม ซึ่งเราแนะนำว่า ควรหาโอกาสไปเยี่ยมชมสถาปัตยกรรม สถานที่ ผู้คน อาหาร ที่พักและวัฒนธรรมอันงดงามระดับโลกในประเทศแห่งนี้ สักครั้งในชีวิต

1.Colombo City

นี่คือหนึ่งในไฮไลท์ของศรีลังกาที่คุณจะได้ซึมซับศิลปะวัฒนธรรมและประวัติความเป็นมาอันยาวนานของประเทศนี้จากเมืองหลวง Colombo เมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์สีสัน ทั้งตึกรามบ้านช่องที่โดดเด่นแปลกตา เป็นสไตล์บริทิชโคโลเนียล เนื่องจากว่าศรีลังกานั้นเคยตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศอังกฤษอยู่หลายร้อยปี ทำให้ยังมีกลิ่นอายศิลปะผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออก ผู้คนที่น่ารักและยิ้มแย้มต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี มาเที่ยวศรีลังกาลองแวะไปเดินชมเมืองโคลอมโบ หรือจะนั่งรถสามล้อชมเมืองก็สามารถทำได้ แต่ต้องตกลงราคากับทางคนขับให้ดีเสียก่อน

2. Independence Square (จัตุรัสแห่งอิสรภาพ)

หนึ่งในจุดเช็กอินต้องห้ามพลาดในเมืองโคลอมโบนั่นก็คือ Independence Square หรือจัตุรัสแห่งอิสรภาพ สัญลักษณ์แห่งความเป็นอิสรภาพของชาวศรีลังกาต่อประเทศอังกฤษ สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1948 ถือได้ว่าเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศศรีลังกาเลยทีเดียว

3. Gangaramaya Temple (วัดคงคาราม)

วัดคงคาราม วัดไทยที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในศรีลังกา เป็นวัดไทยนิกายสยามวงศ์ และเป็นที่ตั้งโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์แห่งแรกของศรีลังกา ภายในวัดมีความสงบร่มเย็นและเต็มไปด้วยศิลปะทางพระพุทธศาสนาอันทรงคุณค่ามากมาย เช่น พระพุทธรูปปางมารวิชัยสีเหลืองที่ประดิษฐานอยู่ด้านในพระอุโบสถพร้อมกับจิตกรรมฝาผนังที่ดูสวยงามอลังการเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีต้นศรีมหาโพธิ์ที่ได้หน่อต้นมาจากต้นศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาอินเดียด้วย และพิพิธภัณฑ์สะสมของเก่าแก่ทั้งวัตถุมงคล และสิ่งของเครื่องใช้ ที่ทางวัดได้เก็บรวบรวมเอาไว้ให้เราได้เดินศึกษาประวัติความเป็นมาได้อย่างน่าสนใจ 

4. Dambulla (วัดถ้ำดัมบูลลา)

มรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งศรีลังกา ที่เราอยากให้ทุกคนได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง วัดถ้ำ Dambulla เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากของศรีลังกา วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาต้องใช้เวลาเดินเท้าเพื่อขึ้นไปที่วัดประมาณ 15 นาที ทางเดินเป็นพื้นปูนไล่ไปตามระดับความชันของภูเขาเดินได้ง่ายๆ

ด้านบนเราจะได้พบกับความมหัศจรรย์ระหว่างธรรมชาติและสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์ ภาพที่เห็นคือภูเขาหินขนาดใหญ่ยักษ์ที่ถูกเจาะแบ่งออกเป็น 5 ห้อง กลายเป็นวัดถ้ำที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของศรีลังกาเอาไว้มากมาย ทั้งพระพุทธรูปปางปรินิพพานขนาดใหญ่ถึง 49 เมตร จิตกรรมฝาผนังสุดตระการตาบอกเล่าเรื่องราวทางพระพุทธศาสนา เจดีย์ที่มีรูปทรงดูแปลกตา และพระรูปเหมือนจริงของพระราชาผู้สร้างวัดถ้ำ DamBulla แห่งนี้ขึ้นมา ความรู้สึกที่ได้มาเที่ยวที่วัดถ้ำ Dambulla แห่งนี้นอกจากจะได้ตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของสถานที่แล้ว ยังได้ซึมซับประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่ทางวัฒนธรรมของศรีลังกาอีกด้วย 

5. Sigiriya (พระราชวังลอยฟ้า สิกิริยา)

ห่างจากวัดถ้ำ Dambulla มาประมาณ 24 กิโลเมตร เรามุ่งหน้าเข้าสู่ Sigiriya พระราชวังลอยฟ้าสุดยิ่งใหญ่ ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นอนุสรณ์สถานคนบาปลูกฆ่าพ่อเพื่อชิงราชสมบัติ โดยประวัติการสร้างพระราชวังแห่งนี้นั้น เริ่มต้นขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1020 พระเจ้ากัสสปะได้ทรงกระทำการชิงราชสมบัติจากพระราชบิดาของตัวเองนั่นก็คือพระเจ้าธาตุเสน และได้จับพระราชบิดาขังไว้ในคุกแล้วโบกปูนทับทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่จนพระราชบิดาถึงแก่ชีวิต หลังจากนั้นพระเจ้ากัสสปะจึงได้ได้ขึ้นครองราชย์และได้มีรับสั่งให้สร้างพระราชวังขึ้นบนภูเขา Sigiriya อย่างยิ่งใหญ่อลังการ โดยใช้เวลาในการสร้างนานถึง 7 ปีด้วยกัน พระเจ้ากัสสปะครองราชย์อยู่ได้นานถึง 18 ปีก็ได้ถูก พระโมคคัลาน์ พระอนุชาต่างมารดาที่ทรงลี้ภัยไปอยู่ที่อินเดียเมื่อครั้งพระเจ้ากัสปะยึดราชสมบัตินั้น ยกทัพจากอินเดียเพื่อมาชิงเอาราชสมบัติขึ้น กองทัพของพระโมคคัลาน์ได้ปิดล้อมภูเขา Sigiriya แห่งนี้เอาไว้อย่างเหนียวแน่น พระเจ้ากัสสปะหมดหนทางสู้จึงได้ปลิดชีพตัวเองตายในพระราชวังแห่งนี้ในที่สุด หลังจากนั้นพระราชวังแห่งนี้ได้ถูกปล่อยให้รกร้างก่อนที่ พันเอกเบส ฟอร์เบส นายทหารของอังกฤษ จะได้เข้ามาค้นพบความลับกลางป่าใหญ่แห่งนี้เมื่อศตวรรษที่ 19 และได้ทำการสำรวจจนพบร่องรอยทางประวัติศาสตร์มากมายที่ภูเขาแห่งนี้ และเกิดการสำรวจอย่างละเอียดตามมาในยุคต่อจากนั้นจนถึงทุกวันนี้ 

ปัจจุบันภูเขา Sigiriya ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังของศรีลังกา ที่ผู้คนต่างอยากจะเดินทางมาเพื่อพิชิต การจะขึ้นสู่ยอดเขา Sigiriya นี้จะต้องเดินผ่านเส้นทางบันไดสูงชันกว่า 2,200 ขั้น ระหว่างทางคุณจะสามารถชมวิวบรรยากาศโดยรอบที่เต็มไปด้วยป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่บริเวณนี้ได้แบบพาโนรามาเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีภาพวาดจิตกรรมบนผนังหินที่ถือได้ว่าเป็นภาพวัดทางประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ และก่อนที่จะขึ้นสู่ยอดของภูเขา Sigirya เราจะได้พบกับประตูสิงห์ ซึ่งมีสถาปัตยกรรมเท้าสิงห์ขนาดใหญ่ยักษ์อยู่ข้างทางขึ้นสู่ยอดเขา เป็นหนึ่งในมุมถ่ายรูปสุดอันซีนที่ดูน่าเกรงขามมากๆ 

ใช้เวลาเดินขึ้นไปบนยอดเขา Sigiriya แห่งนี้ประมาณ 30 นาที เราจะได้พบกับร่องรอยแห่งอารยธรรมโบราณ ของพระราชวังลอยฟ้า ที่ยังคงหลงเหลือรากฐานให้เราได้เห็น ซึ่งแค่มองจากฐานของสิ่งปลูกสร้างแล้วก็พอจะจินตนาการได้เลยว่าเมื่อครั้งอดีตนั้นพระราชวังแห่งนี้จะยิ่งใหญ่มากเพียงใด ความยิ่งใหญ่ของที่นี่นั้น หลายๆ คนยกให้เป็น Machu Picchu แห่งเอเชีย เลยทีเดียว และนอกจากความยิ่งใหญ่ตระการตาของซากปรักหักพังพระราชวังลอยฟ้าแห่งนี้แล้ว ด้านบนยังถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามเป็นอย่างมากอีกด้วย จากจุดนี้เราสามารถชมวิวทิวทัศน์ความสมบูรณ์ของป่าไม้ในศรีลังกา รวมไปถึงภูเขาน้อยใหญ่ที่สลับซับซ้อนกันไปมา เป็นภาพบรรยากาศที่สร้างความทรงจำให้แก่ผู้มาเยือนได้อย่างน่าประทับใจ หากจะถามว่าในการมาเที่ยวศรีลังกาครั้งนี้สถานที่ไหนที่เราชอบมากที่สุด เราขอยกให้ที่นี่เป็น The Best ของทริปนี้เลยก็ว่าได้ ใครกำลังวางแผนอยากมาเที่ยวศรีลังกาต้องไม่พลาด พระราชวังลอยฟ้าแห่งนี้

6. Temple of the Sacred Tooth Relic (วัดพระเขี้ยวแก้ว)

วัดพระเขี้ยวแก้วถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง Kandy เมืองหลวงเก่าของประเทศศรีลังกา เป็นวัดที่มีความสำคัญต่อพระพุทธศานาสนาในประเทศศรีลังกาเป็นอย่างมาก มีประวัติเล่าว่าเมื่อปี พ.ศ. 913  เจ้าชายทันตกุมาร และเจ้าหญิงเหมชาลา แห่งแคว้นกาลิงคะ ในอินเดีย ได้แอบซ่อนพระธาตุเขี้ยวแก้ว ซึ่งเป็นพระเขี้ยวแก้วด้านซ้ายของพระพุทธเจ้า หนีไปยังเกาะลังกา หรือประเทศศรีลังกาในปัจจุบัน ตามพระบัญชาของพระบิดาพระเจ้าคุหเสวราช เพราะพระธาตุเขี้ยวแก้วนี้เป็นที่ต้องการของเมืองต่างๆ มาก อาจก่อให้เกิดสงครามการแย่งชิงพระธาตุเขี้ยวแก้วได้ พระเจ้าคุหเสวราช เห็นว่าเกาะลังกานั้นเป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการจะประดิษฐานพระธาตุเขี้ยวแก้วนี้ให้ปลอดภัยจึงได้มีพระบัญชาดังกล่าว

จนถึงปัจจุบันนี้พระธาตุเขี้ยวแก้วได้กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของศรีลังกาที่ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศพร้อมใจกันเดินทางมาเพื่อสักการะบูชาในทุกๆ วัน โดยการเข้าชมพระธาตุเขี้ยวแก้วนั้นทางวัดจะเปิดให้เข้าชมเพียงแค่ 2 ช่วงเวลาต่อวันเท่านั้น นั่นก็คือในช่วง 6 โมงเช้า และ 6 โมงเย็นของแต่ละวัน จึงทำให้มีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวศรีลังกาและประเทศอื่นต่างพร้อมใจกันมารอเข้าชมพระธาตุเขี้ยวเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เป็นพลังแห่งความเชื่อและความศรัทธาที่ยิ่งใหญ่มากๆ เราได้เห็นภาพของความศรัทธานี้ ทั้งบรรยากาศที่น่าเลื่อมใส และความงดงามตระการตาของสิ่งปลูกสร้างภายในวัดพระเขี้ยวแก้ว  ก็ทำให้รู้สึกขนลุกไปกับอารยธรรมอันยิ่งใหญ่แห่งนี้จริงๆ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของศรีลังกาที่ควรมาเยือนสักครั้งในชีวิต

7. Lunuganga Gefrroy Bawa Gardens

บ้านสวนของ Geoffrey Bawa ดัดแปลงจากบ้าน ในสวนยางให้เป็นบ้านพักวันหยุด งดงามด้วยสวนสไตล์อังกฤษ ปัจจุบันทำเป็นรีสอร์ตให้แขกสามารถจองวิลล่าแต่ละหลังพักได้ด้วย ที่นี่ทุกจุดทุกมุมคือการออกแบบเพื่อนั่งชื่นชมความงามของทัศนียภาพโดยรอบ เพราะจุดเด่นคืองานออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม ที่เป็นงานถนัดของบาวา ตั้งอยู่ท่ามกลางความงดงาม ริมฝั่งแม่น้ำ LUNU ที่นี่เขาใช้เวลากว่าครึ่งหนึ่งของชีวิตในการสร้างสรรค์เพื่อสะท้อนสิ่งที่เขาเรียกว่า "the English country house and its landscaped park" ตัวบ้าน สตูดิโอ สวนสนามหญ้าขนาดใหญ่ สระน้ำ และแม่น้ำ ถูกสานเข้าด้วยกันก่อให้เกิดจินตนาการและประสบการณ์อันไม่สิ้นสุดของความไหลเวียนต่อเนื่องกันของ space ที่เป็นหนึ่งเดียวกัน

และทั้งหมดนี้ก็คือความงดงาม ความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมศรีลังกา สถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ยังคงรอให้นักท่องเที่ยวชาวไทยได้ไปสัมผัส ถึงแม้ว่าศรีลังกาจะเพิ่งมีข่าวไม่ดีเกิดขึ้น แต่ผู้คนในเมืองก็เข้มแข็งพอที่จะลุกขึ้นมาพัฒนาและฟื้นฟูการท่องเที่ยวกันในทุกภาคส่วนทั้งในภาครัฐบาลและเอกชน ผู้คนยังคงรอคอยนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เรากล้าพูดเลยว่าผู้คนเป็นมิตรและน่ารักมากๆ ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยไมตรีจิตเป็นอย่างดี ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมดินแดนแห่งอารยธรรมผืนนี้ถึงได้ถูกยกให้เป็นประเทศน่าเที่ยวประจำปีจากนิตยสาร Lonely Planet ประสบการณ์ในครั้งนี้เราอยากจะให้ทุกคนได้ลองเปิดใจและลองมาเที่ยวมาสัมผัสสักครั้งในชีวิต

ซึ่งนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทริป  THE GRAND HOTEL TOUR SRILANKA - GEOFFREY  BAWA by THE BOUTIQUE KING ที่ทุกท่านจะได้รับประสบการณ์ล้ำค่าในการเดินทาง ตามเส้นทางแห่งสถาปัตยกรรม จิบชา ชมสวน ไหว้พระ ชมและเรียนรู้งานสถาปัตยกรรมโรงแรมแนวธรรมชาติระดับโลก ของปรมาจารย์ Geoffrey Bawa  กินและนอนในโรงแรม 5 ดาว แปดวันและเจ็ดคืนเต็ม 18 – 25 ตลุาคม 2562 เดินทางโดย Srilankan Airlines เพียงท่านละ 79,000 บาท (จำกัดเพียง20คน)
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทรและไลน์สมัครด่วนวันนี้
089-6969896 และ
096-7496868

ขอขอบคุณ
theboutiqueking.com
Sanook travel

 

 



Older Post Newer Post